อังม่อหล๋าว ภูเก็ต สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส
อังม่อหล๋าว มรดกสถาปัตยกรรมที่เล่าเรื่องราวของภูเก็ตผ่านรูปแบบคฤหาสน์สไตล์ตะวันตกผสมผสานทางวัฒนธรรม จีน โปรตุเกส เป็นคำในภาษาจีนฮกเกี้ยนที่แปลว่า ตึกฝรั่ง หรือ คฤหาสน์แบบตะวันตก โดยคำว่า อังมอ แปลว่า ผมแดง ซึ่งเป็นคำเรียกแทนชาวต่างชาติเชื้อสายยุโรป ส่วน หล๋าว จะหมายถึง ตึก หรือ คฤหาสน์ รวมคำกันก็จะเป็น คฤหาสน์แบบตะวันตก นั้นเอง! ซึ่งเป็นคำที่ชาวภูเก็ตใช้เรียกอาคารสไตล์ยุโรปที่สร้างขึ้นในสมัยที่ภูเก็ตรุ่งเรืองจากการทำเหมืองแร่ดีบุก
ความเป็นมา...
- รากเหง้าของความร่ำรวย: การสร้างอังม่อหล๋าว เกิดจากการทำธุรกิจของคหบดีชาวจีน ในช่วงกิจการเหมืองแร่เฟื่องฟู ช่วง ร.5 คหบดีได้ขยับขยายที่อยู่อาศัย โดย สร้างคฤหาสน์ ที่เรียกว่า อังม่อหล๋าว ในสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส ได้รับอิทธิพลมาจากทางปีนัง
- การผสมผสานวัฒนธรรม: สถาปัตยกรรมของอังม่อหล๋าวจึงเป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบจีนและยุโรปอย่างลงตัว โดยมีการนำเอาองค์ประกอบต่างๆ เช่น เสา โครงสร้างหลังคา และการตกแต่งมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับวิถีชีวิตและความเชื่อของชาวจีน
- สัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรือง: อังม่อหล๋าวจึงไม่เพียงแต่เป็นที่อยู่อาศัย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความรุ่งเรืองและอำนาจของเจ้าของอีกด้วย
ความโดดเด่นของอังม่อหล๋าว
- สถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์: อังม่อหล๋าวแต่ละหลังจะมีรูปแบบและรายละเอียดที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับรสนิยมและความมั่งคั่งของเจ้าของ
- การตกแต่งภายใน: ภายในอังม่อหล๋าวมักตกแต่งอย่างหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สักแกะสลัก และเครื่องใช้ต่างๆ ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
- เรื่องราวที่ซ่อนอยู่: อังม่อหล๋าวแต่ละหลังต่างมีเรื่องราวและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจซ่อนอยู่
อังม่อหล๋าวในปัจจุบัน
ปัจจุบัน อังม่อหล๋าวหลายหลังถูกปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ โรงแรม หรือร้านอาหาร เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนได้เข้าชมและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของภูเก็ต
หากคุณมีโอกาสได้ไปเที่ยวภูเก็ต ลองหาโอกาสไปเยี่ยมชมอังม่อหล๋าวดูนะคะ คุณจะได้สัมผัสกับความงดงามของสถาปัตยกรรม และเรียนรู้เรื่องราวของผู้คนที่สร้างสรรค์มันขึ้นมา
วันนี้เราจะพาทุกคนมาดู อังม่อหล๋าวสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส: มรดกอันงดงามที่ผสมผสานวัฒนธรรม
สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส คือรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบจีนและยุโรป (โดยเฉพาะโปรตุเกส) ซึ่งเป็นผลมาจากการติดต่อค้าขายและการผสมผสานทางวัฒนธรรมระหว่างชาวจีนและชาวยุโรปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทยเราสามารถพบเห็นสถาปัตยกรรมแบบนี้ได้อย่างชัดเจนในจังหวัดภูเก็ต
ความเป็นมาและลักษณะเด่น
- การผสมผสานทางวัฒนธรรม: สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสเกิดขึ้นจากการที่ชาวจีนที่อพยพมาตั้งรกรากในภูมิภาคนี้ ได้นำเอาเทคนิคการก่อสร้างและรูปแบบสถาปัตยกรรมของตนเองมาผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่เข้ามาเผยแพร่ในสมัยนั้น
- ลักษณะเด่น: อาคารแบบชิโนโปรตุกีสจะมีลักษณะเด่นคือ
- ส่วนหน้าอาคาร: มักมีการตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นที่ละเอียดอ่อน และมีการใช้สีสันที่สดใส
- ประตูและหน้าต่าง: มักมีขนาดใหญ่และมีการออกแบบให้มีช่องลม เพื่อช่วยระบายอากาศภายในอาคาร
- หลังคา: มักมีลักษณะเป็นทรงปั้นหยา หรือทรงจั่ว ซึ่งเป็นลักษณะที่พบเห็นได้ทั่วไปในสถาปัตยกรรมจีน
- การตกแต่งภายใน: ภายในอาคารมักตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สักแกะสลัก และมีการใช้สีสันที่อบอุ่น
สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสในประเทศไทย
- ภูเก็ต: เป็นจังหวัดที่มีอาคารแบบชิโนโปรตุกีสอยู่มากที่สุด โดยเฉพาะในย่านเมืองเก่า ซึ่งอาคารเหล่านี้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของภูเก็ตในอดีต
- จังหวัดอื่นๆ: นอกจากภูเก็ตแล้ว ยังสามารถพบเห็นอาคารแบบชิโนโปรตุกีสได้ในจังหวัดอื่นๆ เช่น ระนอง, กระบี่, ตะกั่วป่า, พังงา และตรัง
ความสำคัญของสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส
- มรดกทางวัฒนธรรม: สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดภูเก็ต
- แหล่งท่องเที่ยว: อาคารแบบชิโนโปรตุกีสหลายแห่งถูกปรับปรุงให้เป็นโรงแรม ร้านอาหาร หรือพิพิธภัณฑ์ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
- เอกลักษณ์ของชุมชน: อาคารแบบชิโนโปรตุกีสเป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ของชุมชน และเป็นตัวแทนของวิถีชีวิตของผู้คนในอดีต
หากมีโอกาสได้ไปเที่ยวภูเก็ต อย่าลืมแวะชมอาคารแบบชิโนโปรตุกีส เพื่อสัมผัสกับความงดงามของสถาปัตยกรรม และเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ของภูเก็ต